ห้องที่ ๗๖ : สมเด็จพระเจ้าบรมวงษเธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ


           อินทรชิตสถิตยเบื้องฅอคชินทร์
เห็นพระลักษน์กับกระบินทร์สติพลั้ง
จบพรหมมาศศักดิศิลป์เหนือเกษ
วางพาดสายหมายรังหน่วงน้าวแผลงผลาญ
          เปนศรกลาดเกลื่อนทั้งที่รบ สนั่นเฮย
ต้องพระลักษณล้มสลบเล่ห์ม้วย
ต้ององคตสุครีพซรบแซร่วแน่ นิ่งนา
ต้องสิบแปดมงกุฎด้วยดาษล้มรเนนนอน
          ทวยแทตยซรัดสาตรต้องพลนิกาย
แต่กระบี่บุตรพระพายหนึ่งเว้น
อินทรชิตเสร็จสมหมายตบหัดถ์ ลั่นเอย
ให้ประโคมเครื่องเหล้นโห่ร้องอึงอน
          หณุมานเหนสับฎร์ต้องพานรินทร์
อำมเรศน้าวศิลป์แผลงพระน้อง
ร้องตวาดว่าเหวยอินทร์ไฉนกลับ ใจนา
กริวโกรธโลดลิ่วจ้องง่าเงิ้อตรีตระลึง
          เหยียบงาขวาคว้าจับคันศิลป
ซ้ายหักฅอคชินทรอินทร์งูบง้ำ
ขุนยักษหวดขุนกระบินทรเจบทั่ว สกลพ่อ
ตกติดเศียรสารขว้ำสลบปิ้มชนม์ขษัย
          อินทรชิตคิดเล่ห์ได้ดังประสงค์ เสร็จเอย
ให้เลิกหมู่จัตุรงคยาตรเต้า
นิมิตรหายร่างกลายคงคืนรูป ยักษนา
ถึงนครขึ้นเฝาชนกท้าวปราไสย
          รบรับขับเคี่ยวสู้จนเยน เจียวนา
เปนต่อฤๅพ่อเหนขัดข้อง
อินทรชิตว่าคิดเปนกลฬ่อ มล้างเฮย
พรหมมาศอาจหาญต้องพระลักบณม้วยพลมรณ์
          ตบหัดถ์ตรัสว่าสิ้นเสร็จประสงค์ แล้วฮา
เรืองเดชสืบสุริยวงษยักษได้
ไม่เสียที่เปนพงษพรหมเมศ เลยพ่อ
เหนื่อยหนักพักผ่อนให้ศุขซั้นเสวยรมย์
          สนทยาราเมศร์ร้อนทรวงถวิล
ยามเที่ยงเสียงศิลป์ยินโห่เร้า
เกรงพ่ายเหล่าไพรินทร์พระเสดจ ด่วนเอย
กับกระบี่ชมภูพาลเต้าสว่างด้วยศรจันทร์
          เหนพลน้อยใหญ่ต้องสาตรหมด
วายุบุตรกอดฅอคชหมอบม้วย
หลานอินทรอีกเอารสสุริยเทพย์
ทั้งสิบแปดมกุฎด้วยสูดสิ้นเสียชนม์
          กำสรดสลดเศ้ราซรุดลง พร่ำเอย
โอ้สุครีพหณุมานองคตนี้
ศักดานุภาพยงยุทธพ่าย ไฉนนา
เสียที่รักจักชี้โฉดซ้ำเสียหลาย
          เหลือบเหนพระลักษณต้องศราวุธ
รีบเสดจถึงจึ่งฉุดหน่อยน้อย
ค่อยชักไม่เคลื่อนหลุดพิลาปร่ำ พิไรเอย
สุดโศรกสุดสิ้นลห้อยแน่วน้อยลมฆาน
          พลพฤนท์เหนพระเศ้ราโศรกสลบ
ต่างโศรกกำสรดซรบสลบด้วย
สารันรีบเรวตลบทูลทศ ภักตร์นา
ว่าพระรามมาม้วยหมดทั้งพลลิง
          ทศเศียรสิบโอฐอ้าสรวลสรร
ยี่สิบหัดถ์พร้อมกันตบก้อง
มโหทรรีบไปพลันบอกนาฎ นางนา
ให้ออกเบียนผัวน้องจักได้เหนจริง
          มโหทรรับสั่งแล้วลีลา
แจ้งรหัศตรีชฎาเสร็จสิ้น
นางทูลอรรคชายาทราบโศรก กระสรรเอย
แสนเทวศเด็จแดดิ้นเนตรน้ำพราวพรู
          ตรีชฎากราบบาทแล้วแถลงไข
จงระงับโศกาไลยโปรดเกล้า
สองกระษัตริย์ว่าตายไฉนข้าหลาก จิตรนา
เชิญเสดจพระแม่เจ้าจักแจ้งการจริง
          สีดาทรงสดับได้สติมา
เหนชอบตรีชฎากล่าวถ้อย
ชวนขึ้นบุษบกคลาจรัศแข่ง แขเฮย
เรวรีบถึงจึ่งคล้อยเคลื่อนเลี้ยวลงเดิน
          เหนศพสังเวชโอ้หณุมาน
เรืองฤทธิฤๅมารผลาญชีพได้
หวนคิดพระอวตารเดินด่วน ถึงแฮ
กราบบาทพร่ำร่ำไห้ลเหี่ยลห้อยผอยผธม
          ตรีชฎาโศกสร้อยค่อยประคององค์ ปลุกเอย
เยาวะเรศดำรงค์คงชีพฟื้น
ทูลว่าพระหริวงษยังไม่ ม้วยนา
เออพูดภอใจชื้นฤรู้จริงไฉน
          นางสนองบุษบกนี้เสมอจักร แก้วนา
หญิงม่ายขึ้นเล่ห์ชักฉุดไว้
ปางเมื่อทศภักตรลักไปลอบ สรวงเอย
อรรคราชว่าม้วยไหว้เสี่ยงขึ้นเห็จโพยม
          หนึ่งนารายน์แบ่งภาคล้างอาธรรม์
ฤๅจักม้วยกลางคันห่อนต้อง
เชิญกลับสู่สวนขวัญเสวยศุข สราญเอย
ยินชอบนบเทพยพร้องฝากแล้วเสดจจร
          ครั้นถึงนบนิ้วเสี่ยงสัตยา ธิฐานนา
เอื้อนออกนามเทวาทั่วแล้ว
เสรจสถิตย์บุษบกคลาด้วยเดช สัตยเอย
เหินรเห็จดลสวนแก้วหยุดขึ้นตำหนักเนา
          พิเภกหาผลพฤกษได้มาครบ ครันเอย
ทราบเหตุไปที่รบโศรกเศ้รา
เหนวายุบุตรสลบซรบสังเกต แจ้งแฮ
อ่านเวทเป่าลมเข้าโอฐได้สติคืน
          ชวนกันนวดฟั้นพระจักรา ฟื้นเอย
ตรัสซักโหรหายากอบใช้
ชมภูพาลว่าภูผาจักรกรด ผันเอย
แม้พบจักอยุดได้นั่นใช้แก้ศร
          ทรงฟังตรัสสั่งให้วายุบุตร ไปเอย
กระบี่รับเหิรรุตลุแหล่งนั้น
เหนจักรกรดผันหยุดดุจกล่าว แน่แฮ
ลงจรดเทพย์ถามจั้นจึ่งแจ้งความประสงค์
          เทเวศทราบเหตุแล้วยินดี บอกเอย
โอสถพระศุลีประสาศไว้
ให้ช้อนแบกคิรีเก็บไม่ ได้นา
เราจักช่วยไปได้เสร็จเฝ้าพาคืน
          ขุนกระบินทรยินชอบช้อนภูผา ได้แฮ
ทวยเทพย์ช่วยแบกมาแกล่ใกล้
จักวางแผ่นพสุธาลดไม่ ลงเฮย
ถามเทเวศบอกให้ลดตั้งฝั่งอุดร
          วายุพัดโอสถฟุ้งรศขจร ตลบเอย
ต้องอนุชพานรศรหลุดฟื้น
กราบบาทพระสี่กรแถลงลักษณ์ ศึกเฮย
เสร็จเลิกพลโครมคฤ้ๅนกลับเข้าขันธวาร

จบห้องที่ ๗๖

  เนื้อความกล่าวถึงอินทรชิตเห็นพระลักษณ์และขุนกระบี่ทั้งหลายเผลอสติ จึงจับศรพรหมมาศขึ้นแผลงไปเป็นศรกลาดเกลื่อนทั่วสนามรบ ต้องพระลักษณ์ล้มลงสลบ ทั้งสุครีพ องคต และสิบแปดมงกุฎต้องศรล้มลงกลางดิน หนุมานเห็นดังนั้นก็โกรธขึ้นเหยียบงาช้าง มือขวากระชากคันศรอินทรชิต มือซ้ายหักคอช้าง แต่ถูกอินทรชิตหวดด้วยคันศรกระเด็นไปกับคอช้างสลบอยู่กลางดิน อินทรชิตคิดว่าพระลักษณ์สิ้นชีพแล้วก็คืนร่างเป็นยักษ์ดังเดิม ยกพลกลับกรุงลงกา ทูลทศกัณฐ์ให้ทราบโดยตลอด
  ฝ่ายพระรามได้ยินเสียงศร เสียงโห่ร้อง ตั้งแต่เที่ยงจนเวลาพลบค่ำก็ร้อนพระทัย เกรงพระลักษณ์จะเสียทีพ่ายแพ้พวกยักษ์ จึงเสด็จออกไปที่สนามรบพร้อมด้วยชมพูพาน เมื่อไปถึงสนามรบทอดพระเนตรเห็นพลวานรต้องอาวุธเสียชีวิต หนุมานสิ้นชีพอยู่กับคอช้าง ทั้งสุครีพ องคต และสิบแปดมงกุฎก็เสียชีวิต ครั้นเห็นพระลักษณ์ต้องศรก็รีบเสด็จเข้าไปดึงแต่ศรไม่เขยื้อนก็คร่ำครวญจนสิ้นสติ ทำให้เหล่าวานรพากันเศร้าโศกสิ้นสติไปด้วย สารันตทูตซึ่งเฝ้าดูอยู่ก็รีบไปทูลทศกัณฐ์ ทศกัณฐ์จึงสั่งให้มโหทรไปบอกนางสีดาให้ไปดู นางสีดาได้ฟังก็คร่ำครวญด้วยคิดว่าพระรามสิ้นพระชนม์ นางตรีชฎาทูลให้เสด็จไปดูให้ประจักษ์แก่ตา ทั้งสองจึงขึ้นประทับบุษบกไปถึงสนามรบ เมื่อนางสีดาเห็นพระรามสำคัญว่าสิ้นพระชนม์แล้ว ก็คร่ำครวญจนสลบ นางตรีชฎาแก้ไขจนนางสีดาฟื้น ก็ทูลว่าพระรามยังไม่สิ้นพระชนม์ เพราะหากหญิงม่ายขึ้นบุษบก บุษบกก็จะไม่ลอยขึ้น อีกประการหนึ่งพระนารายณ์แบ่งภาคอวตารลงมาล้างอธรรมจะสิ้นพระชนม์กลางคันนั้นเป็นไปไม่ได้ นางสีดาเห็นจริงจึงชวนนางตรีชฎาขึ้นบุษบกกลับตำหนัก
  ฝ่ายพิเภกกับไพร่พลไปเก็บผลไม้กลับมา ทราบเหตุก็รีบไปที่สนามรบเห็นหนุมานสลบอยู่ก็อ่านเวทเป่าลมเข้าปากจนหนุมานฟื้น แล้วช่วยกันแก้ไขพระรามให้ฟื้นคืนสติ เมื่อพระรามตรัสถามถึงยาที่จะใช้แก้พิษศร ชมพูพานทูลว่ายาอยู่ที่เขาอาวุธมีจักรกรดหมุนอยู่ ต้องหยุดจักรกรดนั้นก่อน หนุมานรับบัญชาแล้วเหาะไปยังเขาอาวุธ หยุดจักรกรดแล้วลงไปพบเหล่าเทพรักษาสรรพยาก็แจ้งความประสงค์ เหล่าเทพจึงบอกว่าจะเก็บเฉพาะยาที่พระอิศวรให้ไว้นั้นไม่ได้ ต้องช้อนไปทั้งภูเขา หนุมานจึงสำแดงฤทธิ์ช้อนภูเขาขึ้นแบก เหล่าเทพช่วยพยุงเหาะไปจนถึงสนามรบ แต่ไม่สามารถวางลงบนพื้นได้ เหล่าเทพจึงบอกให้หนุมานเอาไปไว้ที่ทิศอุดร เมื่อลมพัดก็พากลิ่นยาตลบไปต้องพระลักษณ์และเหล่าวานร ศรก็หลุดออก ฟื้นคืนชีวิตทั้งหมด จากนั้นเหล่าเทวดาที่รักษาภูเขาก็แบกภูเขาเหาะกลับไป

ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “วางพาดสายหมายรั้ง”
ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “กริ้วโกรธโลดลิ่วจ้อง ง่าเงื้อตรีตระลึง”
ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “ถึงนครขึ้นเฝ้า”